google ads

รับ ยิง Google ads สายเทา Google Ads เว็บพนัน

รับยิง Google Ads สายเทา Google เว็บพนัน ครบวงจร โดยเราให้บริการอย่างเต็มที่ มีการเก็บค่าบริการรายวันรายเดือน โดยสามารถเลือกโปรโมชั่น เพิ่มเติมได้ที่ นี่เท่านั้น เราให้บริการ อย่างมืออาชีพ สามารถชมตัวอย่างผลงานได้เพิ่มเติม ต้องที่ สอนseoสายเทา เท่านั้น 

ราคา และ อัตราการให้บริการ

อัตราการให้บริการ ยิงแอด google ads สายเทา หรือ เว็บพนัน  โดยมีอัตราให้บริการดังต่อไปนี้ สามารถติดต่อเพิ่มเติมได้ที่ ติดต่อเรา

อันดับ รายละเอียด ราคา
1
ยิง Google ads เว็บพนัน รายวัน ยิงก่อนจ่ายทีหลัง เก็บเงินเมือแอดทำงานครบ 1 วัน กำหนด Keyword ได้
400 + 5%
2
ยิง Google ads เว็บพนัน รายสัปดาห์ ยิงก่อนจ่ายทีหลัง เก็บเงินเมือแอดทำงานครบ 7 วัน กำหนด Keyword ได้
2,500 + 5%
3
ยิง Google ads เว็บพนัน 15 วัน ยิงก่อนจ่ายทีหลัง เก็บเงินเมือแอดทำงานครบ 7 วัน กำหนด Keyword ได้
5,000 + 5%
4
ยิง Google ads เว็บพนัน เดือน ยิงก่อนจ่ายทีหลัง เก็บเงินก่อน ครึ่งหนึ่ง กำหนด Keyword ได้
10,000 + 5%
5
ยิงแอด ไม่เก็บค่ายิง แต่คิดจากค่า Fee คิด วันต่อวัน
15% ของค่าแอด ขึ้นต่ำ 10,000 ต่อวัน
6
รับ สอน Google ads เว็บพนัน google ads สายเทา ออนไลน์ - เจอตัว กทม หรือต่างจังหวัด +ค่าเดินทาง
10,000
ยิง-google-ads-เทา ยิง-google-ads-เว็บพนัน รับยิง-google-ads-เทา รับยิง-google-ads-เว็บพนัน

สอน Google Ads สายเทา เว็บพนัน

นอกเหนือจากนี้ เรายังสอน Google ads เว็บพนัน หรือ google ads สายเทา อีกด้วย บริการครบจบในที่เดียว ต้องที่นี่ เท่านั้น มีบริการให้เลือกหลากหลาย บริการ โดย ลูกค้าสามารถรับ บริการได้ตามความต้องการ อีกทั้งเรายัง ให้บริการ seo สายเทา อีกด้วย

ความแตกต่างของ google adsสายเทา และ สายขาว

เรื่องความแตกต่างระหว่าง Google adsสายเทา และ สายขาวนั้น จะอยู่ที่ความยากในการ อนุมัติแคมเปญ เนื่องจากทางบริษัท Google ไม่ได้อนุญาติให้ยิง การพนัน ดังกล่าวในช่องทาง Google อ่านเพิ่มได้ที่ google policy ทั้งนี้เราได้พัฒนาแคมเปญให้เหมาะกับการยิง Google ads มากที่สุด เพื่อให้เว็บสายเทา หรือการพนันนั้น สามารถยิงแอดได้อย่างมั่นใจ

ทำความรู้จัก Google ADS (SEM)

Google Ads เป็นแพลตฟอร์มโฆษณาออนไลน์ที่สร้างโดย Google ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถแสดงโฆษณาในหน้าผลการค้นหาของ Google, YouTube และคุณสมบัติอื่นๆ ของ Google เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับธุรกิจในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและโปรโมตผลิตภัณฑ์หรือบริการของตน

Google Ads ทำงานในรูปแบบจ่ายต่อคลิก (PPC) ซึ่งหมายความว่าผู้ลงโฆษณาจะจ่ายเงินเมื่อมีผู้คลิกโฆษณาของตนเท่านั้น ผู้ลงโฆษณาสามารถเลือกรูปแบบโฆษณาได้หลากหลาย เช่น โฆษณาแบบข้อความ โฆษณาแบบดิสเพลย์ โฆษณาวิดีโอ และโฆษณา Shopping และสามารถกำหนดเป้าหมายโฆษณาตามคำหลัก ข้อมูลประชากร สถานที่ ความสนใจ และอื่นๆ

ข้อดีอย่างหนึ่งของ Google Ads คือความสามารถในการติดตามและวัดประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา ผู้ลงโฆษณาสามารถดูจำนวนคลิก การแสดงผล และ Conversion ที่โฆษณาของตนสร้างขึ้น และสามารถปรับแคมเปญของตนได้ตามความเหมาะสม นอกจากนี้ Google Ads ยังมีเครื่องมือและคุณลักษณะการเพิ่มประสิทธิภาพอีกมากมาย เช่น การเสนอราคาอัตโนมัติและการหมุนเวียนโฆษณา เพื่อช่วยให้ผู้ลงโฆษณาได้รับประโยชน์สูงสุดจากค่าโฆษณา

โดยรวมแล้ว Google Ads เป็นแพลตฟอร์มโฆษณาที่มีประสิทธิภาพสูงที่สามารถช่วยให้ธุรกิจทุกขนาดเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและบรรลุเป้าหมายทางการตลาดได้ ด้วยกลยุทธ์และแนวทางที่ถูกต้อง ธุรกิจสามารถใช้ Google Ads เพื่อกระตุ้นการเข้าชม เพิ่มยอดขาย และทำให้ธุรกิจเติบโตทางออนไลน์

เริ่มต้นใช้งาน Google Ads: คู่มือสำหรับผู้เริ่มต้น

Google Ads เป็นแพลตฟอร์มโฆษณาที่มีประสิทธิภาพซึ่งช่วยให้ธุรกิจทุกขนาดเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและโปรโมตผลิตภัณฑ์หรือบริการของตนทางออนไลน์ได้ หากคุณเพิ่งเริ่มใช้ Google Ads การเริ่มต้นใช้งานอาจยุ่งยากเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ด้วยความรู้พื้นฐานและการฝึกฝนเล็กน้อย คุณจะสามารถสร้างแคมเปญโฆษณาที่มีประสิทธิภาพและเห็นผลลัพธ์ได้ในเวลาอันรวดเร็ว นี่คือคู่มือสำหรับผู้เริ่มต้นในการเริ่มต้นใช้งาน Google Ads:

  1. ตั้งค่าบัญชี Google Ads: ขั้นตอนแรกคือสร้างบัญชี Google Ads เพียงไปที่หน้าแรกของ Google Ads แล้วคลิกปุ่ม “เริ่มเลย” ทำตามพร้อมท์เพื่อสร้างบัญชีของคุณ รวมทั้งป้อนข้อมูลสำหรับการเรียกเก็บเงินของคุณ

  2. กำหนดเป้าหมายและผู้ชมของคุณ: ก่อนที่คุณจะเริ่มสร้างโฆษณา สิ่งสำคัญคือต้องกำหนดเป้าหมายและผู้ชมเป้าหมายของคุณ คุณต้องการบรรลุอะไรด้วยโฆษณาของคุณ ใครคือกลุ่มเป้าหมายของคุณ? การตอบคำถามเหล่านี้จะช่วยให้คุณสร้างโฆษณาที่มีประสิทธิภาพซึ่งโดนใจผู้ชม

  3. เลือกรูปแบบโฆษณาของคุณ: Google Ads มีรูปแบบโฆษณาที่หลากหลาย รวมถึงโฆษณาบนเครือข่ายการค้นหา โฆษณาแบบดิสเพลย์ โฆษณาวิดีโอ และอื่นๆ เลือกรูปแบบที่เหมาะกับเป้าหมายและผู้ชมของคุณมากที่สุด

  4. สร้างโฆษณาของคุณ: เมื่อคุณเลือกรูปแบบโฆษณาของคุณแล้ว ก็ได้เวลาสร้างโฆษณาของคุณ อย่าลืมใช้พาดหัวข่าวที่ดึงดูดความสนใจ ข้อความที่น่าสนใจ และรูปภาพหรือวิดีโอที่สะดุดตาเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ชม

  5. เลือกคำหลักของคุณ: หากคุณกำลังสร้างโฆษณาบนเครือข่ายการค้นหา คุณจะต้องเลือกคำหลักของคุณ คำหรือวลีเหล่านี้คือคำหรือวลีที่ผู้คนจะค้นหาเพื่อหาโฆษณาของคุณ อย่าลืมเลือกคำหลักที่เกี่ยวข้องซึ่งอธิบายผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณได้อย่างถูกต้อง

  6. กำหนดงบประมาณของคุณ: ด้วย Google Ads คุณจะจ่ายเฉพาะเมื่อมีผู้คลิกโฆษณาของคุณเท่านั้น กำหนดงบประมาณรายวันหรือรายเดือนที่เหมาะกับความต้องการของคุณและปรับตามต้องการ

  7. เปิดตัวโฆษณาของคุณ: เมื่อโฆษณาของคุณถูกสร้างขึ้นและกำหนดงบประมาณของคุณแล้ว ก็ถึงเวลาเปิดตัวโฆษณาของคุณ ตรวจสอบผลลัพธ์ของคุณและปรับแคมเปญของคุณตามต้องการเพื่อเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนของคุณให้สูงสุด

Google Ads สามารถเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นการเข้าชมและยอดขายให้กับธุรกิจของคุณ เมื่อทำตามขั้นตอนเหล่านี้และปรับแต่งแคมเปญโฆษณาของคุณอย่างต่อเนื่อง คุณจะสามารถสร้างโฆษณาที่มีประสิทธิภาพซึ่งเข้าถึงผู้ชมเป้าหมายและบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจของคุณได้

google ads

วิธีสร้างโฆษณา Google ที่มีประสิทธิภาพ: เคล็ดลับและแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด

Google Ads (เดิมชื่อ Google AdWords) เป็นเครื่องมืออันทรงพลังที่ธุรกิจสามารถใช้เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์ของตน เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากแคมเปญ Google Ads สิ่งสำคัญคือต้องสร้างโฆษณาที่มีประสิทธิภาพซึ่งดึงดูดความสนใจของผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าและกระตุ้นให้พวกเขาดำเนินการ เคล็ดลับและแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับการสร้าง Google Ads ที่มีประสิทธิภาพมีดังนี้

  1. ระบุกลุ่มเป้าหมายของคุณ: ก่อนที่คุณจะเริ่มสร้างโฆษณา สิ่งสำคัญคือต้องรู้ว่าคุณต้องการเข้าถึงใคร ใช้เครื่องมือเช่น Google Analytics เพื่อรับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับข้อมูลประชากร ความสนใจ และพฤติกรรมของผู้ชม วิธีนี้จะช่วยคุณสร้างโฆษณาที่ปรับให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายและมีแนวโน้มว่าจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น

  2. เลือกคำหลักที่เหมาะสม: คำหลักคือคำและวลีที่ผู้คนใช้เพื่อค้นหาผลิตภัณฑ์หรือบริการที่คล้ายกับของคุณ เลือกคำหลักที่เกี่ยวข้องซึ่งมีแนวโน้มว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณจะใช้ และใช้ในข้อความโฆษณาและหน้า Landing Page ของคุณ

  3. สร้างข้อความโฆษณาที่น่าสนใจ: ข้อความโฆษณาของคุณควรดึงดูดความสนใจและน่าสนใจ โดยมีคำกระตุ้นการตัดสินใจที่ชัดเจนซึ่งบอกให้ผู้คนทราบว่าคุณต้องการให้พวกเขาทำอะไร ใช้ภาษาที่เน้นการกระทำ เน้นจุดขายที่โดดเด่นของคุณ และเน้นที่ประโยชน์ของผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ

  4. ใช้ส่วนขยายโฆษณา: ส่วนขยายโฆษณาคือข้อมูลเพิ่มเติมที่สามารถเพิ่มลงในโฆษณาของคุณได้ เช่น หมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่ และลิงก์ไปยังหน้าใดหน้าหนึ่งในเว็บไซต์ของคุณ ส่วนขยายโฆษณาสามารถปรับปรุงการแสดงผลและประสิทธิภาพของโฆษณาของคุณ และทำให้โฆษณามีข้อมูลมากขึ้นและมีประโยชน์ต่อผู้มีโอกาสเป็นลูกค้า

  5. ทดสอบและเพิ่มประสิทธิภาพโฆษณาของคุณ: เมื่อโฆษณาของคุณเริ่มทำงานแล้ว สิ่งสำคัญคือต้องทดสอบและเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ ใช้การทดสอบ A/B เพื่อเปรียบเทียบเวอร์ชันต่างๆ ของโฆษณาของคุณ และทำการเปลี่ยนแปลงตามผลลัพธ์ ตรวจสอบประสิทธิภาพโฆษณาของคุณเป็นประจำ และปรับเปลี่ยนตามความจำเป็นเพื่อปรับปรุง ROI ของคุณ

เมื่อทำตามเคล็ดลับและแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดเหล่านี้ คุณจะสามารถสร้าง Google Ads ที่มีประสิทธิภาพซึ่งเข้าถึงผู้ชมเป้าหมาย เพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์ของคุณ และช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ

ทำความเข้าใจกลยุทธ์การเสนอราคาของ Google Ads: กลยุทธ์ใดที่เหมาะกับคุณ

กลยุทธ์การเสนอราคาของ Google Ads กำหนดจำนวนเงินที่คุณยินดีจ่ายสำหรับการคลิกโฆษณาแต่ละครั้ง มีกลยุทธ์การเสนอราคาหลายอย่างใน Google Ads ซึ่งแต่ละกลยุทธ์มีข้อดีและข้อเสียต่างกันไป การเลือกกลยุทธ์การเสนอราคาที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้แน่ใจว่างบประมาณโฆษณาของคุณถูกใช้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ต่อไปนี้เป็นกลยุทธ์การเสนอราคาของ Google Ads ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดบางส่วน:
  1. การเสนอราคา CPC ด้วยตนเอง: ด้วยกลยุทธ์นี้ คุณจะกำหนดการเสนอราคาต้นทุนต่อคลิก (CPC) สูงสุดสำหรับแต่ละคำหลัก กลยุทธ์การเสนอราคานี้ช่วยให้คุณควบคุมค่าโฆษณาได้อย่างเต็มที่ แต่ต้องมีการตรวจสอบและปรับเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง
  2. การเสนอราคา CPC ที่ปรับปรุงแล้ว: กลยุทธ์การเสนอราคานี้ใช้การเรียนรู้ของเครื่องเพื่อปรับการเสนอราคาของคุณโดยอัตโนมัติเพื่อปรับปรุงโอกาสในการเกิด Conversion ทำงานโดยเพิ่มราคาเสนอสำหรับคลิกที่มีแนวโน้มที่จะทำให้เกิด Conversion และลดราคาเสนอสำหรับคลิกที่ไม่น่าจะเกิด Conversion
  3. การเสนอราคา CPA เป้าหมาย: กลยุทธ์การเสนอราคานี้กำหนดราคาเสนอเพื่อช่วยให้คุณได้รับ Conversion มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ที่ราคาต่อหนึ่งการกระทำ (CPA) เป้าหมายของคุณ Google Ads จะปรับราคาเสนอของคุณโดยอัตโนมัติเพื่อให้ได้ CPA เป้าหมาย โดยใช้ข้อมูลย้อนหลังเพื่อคาดการณ์แนวโน้มที่จะเกิด Conversion
  4. การเสนอราคา ROAS เป้าหมาย: กลยุทธ์การเสนอราคานี้กำหนดราคาเสนอเพื่อเพิ่มมูลค่า Conversion สูงสุดในขณะที่ได้รับผลตอบแทนเป้าหมายจากค่าโฆษณา (ROAS) Google Ads จะปรับราคาเสนอของคุณตามมูลค่า Conversion ที่คาดการณ์ไว้ของแต่ละคลิก โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างรายได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในขณะที่รักษา ROAS เป้าหมายไว้
  5. การเสนอราคาแบบเพิ่มจำนวนคลิกสูงสุด: กลยุทธ์การเสนอราคานี้จะกำหนดราคาเสนอของคุณโดยอัตโนมัติเพื่อช่วยให้คุณได้รับคลิกมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ภายในงบประมาณของคุณ เป็นตัวเลือกที่ดีหากเป้าหมายหลักของคุณคือการเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์ แต่อาจไม่เหมาะหากคุณเน้นที่ Conversion
การเลือกกลยุทธ์การเสนอราคาที่เหมาะสมสำหรับแคมเปญ Google Ads ขึ้นอยู่กับเป้าหมายและงบประมาณของคุณ การทดลองกับกลยุทธ์ต่างๆ จะช่วยให้คุณพบกลยุทธ์ที่เหมาะกับธุรกิจของคุณมากที่สุด

โฆษณา Google กับโฆษณา Facebook: คุณควรใช้อันไหน

Google Ads และ Facebook Ads เป็นสองแพลตฟอร์มโฆษณาที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปัจจุบัน ทั้งสองแพลตฟอร์มมีจุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเอง และแพลตฟอร์มใดที่คุณควรใช้ขึ้นอยู่กับเป้าหมายทางธุรกิจและกลุ่มเป้าหมายของคุณ

Google Ads หรือเดิมชื่อ Google AdWords เป็นแพลตฟอร์มโฆษณาบนการค้นหาที่ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถวางโฆษณาบนหน้าผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหาของ Google (SERPs) รวมถึงคุณสมบัติอื่นๆ ของ Google เช่น YouTube, Gmail และ Google Maps Google Ads ช่วยให้ธุรกิจกำหนดเป้าหมายผู้ใช้ตามคีย์เวิร์ด สถานที่ อุปกรณ์ และปัจจัยอื่นๆ ได้ โดยทั่วไปแล้ว Google Ads จะดีที่สุดสำหรับธุรกิจที่ต้องการสร้างโอกาสในการขาย เพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์ หรือกระตุ้น Conversion

ในทางกลับกัน โฆษณาบน Facebook เป็นแพลตฟอร์มโฆษณาบนโซเชียลมีเดียที่ช่วยให้ธุรกิจกำหนดเป้าหมายผู้ใช้ตามความสนใจ พฤติกรรม และข้อมูลประชากร โฆษณา Facebook สามารถแสดงบน Facebook, Instagram, Messenger และ Facebook Audience Network โฆษณาบน Facebook มักจะดีที่สุดสำหรับธุรกิจที่ต้องการสร้างการรับรู้ถึงแบรนด์ มีส่วนร่วมกับผู้ชม หรือโปรโมตผลิตภัณฑ์หรือบริการของตนไปยังกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ

เมื่อตัดสินใจว่าจะใช้แพลตฟอร์มใด สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาเป้าหมายทางธุรกิจและกลุ่มเป้าหมายของคุณ หากคุณต้องการเข้าถึงผู้ใช้ที่กำลังค้นหาผลิตภัณฑ์หรือบริการที่คล้ายกับของคุณ Google Ads อาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า หากคุณต้องการสร้างการรับรู้ถึงแบรนด์หรือมีส่วนร่วมกับผู้ชมบนโซเชียลมีเดีย โฆษณาบน Facebook อาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า

ท้ายที่สุดแล้ว กลยุทธ์ที่ดีที่สุดคือการใช้ทั้ง Google Ads และ Facebook Ads เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของคุณในหลายช่องทาง เมื่อใช้ทั้งสองแพลตฟอร์ม คุณสามารถใช้ประโยชน์จากจุดแข็งที่ไม่เหมือนใครของแต่ละแพลตฟอร์มและเพิ่มความพยายามในการโฆษณาของคุณให้สูงสุด